บทสังเกตุการณ์


การปลูกและการดูแลรักษามันสำปะหลัง

มันสำปะหลังเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ตลอดปี โดยมากกว่าร้อยละ 65 ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด เกษตรกรจะทำการปลูกในช่วงต้นฤดูฝน คือประมาณเดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคม อีกร้อยละ 20 ปลูกในช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์ ส่วนที่เหลือร้อยละ 13 จะปลูกในช่วงเดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม สำหรับการปลูกในช่วงต้นฤดูฝนนี้ ผลผลิตหัวสดที่ได้จะสูงกว่าการปลูกในช่วงอื่นๆ แต่ในดินที่มีลักษณะเนื้อดินค่อนข้างหยาบ การปลูกในช่วงฤดูแล้งจะให้ผลผลิตสูงที่สุด ดังนั้นในการตัดสินใจเลือกช่วงการปลูกมันสำปะหลังที่เหมาะสม จึงต้องพิจารณาทั้งปริมาณน้ำฝน และลักษณะของดิน


 มันสำปะหลัง…ถูกใส่ร้าย 

มันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจที่ยังมีการเข้าใจผิด ว่าปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลรักษา และการปลูกมันสำปะหลังยังเป็นทำลายดิน และสิ่งแวดล้อม จึงถูกมองว่ามันสำปะหลังเป็นพืชที่มี ศักยภาพต่ำ แต่ที่จริงแล้วหากมีการจัดต้นทุนการ    ผลิตและการตลาดให้ถูกต้องแล้ว จะเห็นว่ามันสำปะหลังเป็นพืชที่มีศักยภาพสูงมาก สามารถแข่งขัยชนกับธัญพืชอื่นได้เป็นอย่างดี


ตารางแสดงปริมาณธาตุอาหารของมันสำปะหลังเปรียบเทียบกับพืชไร่บางชนิด
พืช
ผลผลิต/ไร่
ธาตุอาหาร (กิโลกรัม)
ไนโตรเจน
ฟอสฟอรัส
โพแทสเซียม
มันสำปะหลัง
ข้าวโพด
ปอแก้ว
อ้อย
หัวสด 3,000 กก.
เมล็ด 300 กก.
ต้น-ใบ-ใย 640 กก.
ต้นสด 8,000 กก.
4.5
4.8
10.9
12.0
1.2
2.3
4.0
6.4
14.7
7.1
11.1
32.8


รายงานอื่นที่ได้ผลการวิจัยทำนองเดียวกัน พบว่ามันสำปะหลังไดผลผลิต 2,188 กิโลกรัม และอ้อยได้ผลผลิต 7,015 กิโลกรัม อ้อยนำธาตุอาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ออกไปจากดินมากกว่ามันสำปะหลังส่วนข้าวโพดได้ผลผลิต 314 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับมันสำปะหลังแล้วพบว่า มันสำปะหลังนำธาตุโพแทสเซียมออกไปจากดินมากกว่าข้าวโพด แต่ไนโตรเจนและฟอสฟอรัสน้อยกว่าข้าวโพด

ดินปุ๋ยและมันสำปะหลัง 
จากผลการทดลองของ โชติ สิทะบุศย์และคณะ เมื่อปี 2524 และ 2528 พบว่าการใส่ปุ๋ยเคมี และไถกลบต้นและใบมันสำปะหลังหลังเก็บเกี่ยวทุกปี ในปีที่ 10 ปริมาณของฟอสฟอรัส (P2O5) โพแทสเซียม (K2O) ในดินเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณอินทรียวัตถุ (OM) ลดลงบ้างแสดงให้เห็นว่าการปลูกมันสำปะหลังในที่เดิมโดยมีการใส่ปุ๋ยเคมีและไถกลบต้นใบนานติดต่อกันถึง 10 ปี ยังคงรักษาและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินได้ สภาพปัจจุบันในเขตปลูกมันสำปะหลังเก่าแก่ดั้งเดิมนานกว่า 30-50 ปี คือบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว ผลผลิตมันสำปะหลังเฉลี่ยเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมาประมาณ 2,200 – 2,300 กิโลกรัมต่อไร่ จากสถิติการเกษตรของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรปีเพาะปลูก 2544/45 รายงานว่า จังหวัดดังกล่าวมีผลผลิตมันสำปะหลังเฉลี่ยตั้งแต่ 2,999 – 2,143 กิโลกรัมต่อไร่ หากมันสำปะหลังเป็นพืชทำลายดินแล้ว ทำไมผลผลิตมันสำปะหลังในเขตปลูกดั้งเดิมจึงมีผลผลิตที่สูงขึ้น ควรปรับปรุงและบำรุงรักาาความอุดมสมบูรณ์ของดินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมแก่การผลิตโดยการใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อทดแทนส่วนที่ถูกใช้ไปและเพิ่มเติมตามความต้องการของพืชเพื่อให้ได้ผลผลิตตามต้องการ

ข้อมูลทรัพยากรดินเบื้องต้น
การสำรวจทรัพยากรดินบริเวณจังหวัดลพบุรีได้เริ่มดำเนินการครั้งแรกภายใต้โครงการชลประทาน
เจ้าพระยา ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 สำหรับพื้นที่จังหวัดลพบุรีอยู่ภายใต้โครงการประตูน้ำโคก
กระเทียม (Kevie และคณะ, 1965)ประตูน้ำช่องแค (Kevie และคณะ, 1967) โดยเป็นการสำรวจดินแบบ
ค่อนข้างละเอียด (semi-detailed) มีการเจาะสำรวจดินประมาณ 4-10 จุดต่อพื้นที่หนึ่งตารางกิโลเมตร และ
ศึกษาดินถึงระดับความลึกประมาณ 100 เซนติเมตร ดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. 2506-2509นอกจากนี้ในปี
พ.ศ. 2508 ได้มีการสำรวจดินภายใต้โครงการ MERS (Mobility Environmental Research Study) บริเวณ
พื้นที่รอบๆ ตัวเมืองลพบุรี มีพื้นที่ประมาณ 2 ล้านไร่ เป็นการสำ รวจดินแบบค่อนข้างหยาบ
(reconnaissance) มีหน่วยแผนที่ดินเป็นระดับกลุ่มดินหลัก (great soil group) (Santhad, 1966) และมี
การสำรวจดินในบางพื้นที่อีก แต่ก็เป็นเฉพาะบริเวณ มีเนื้อที่ไม่มากนัก เป็นการสำรวจดินระดับค่อนข้าง
ละเอียด (ดำรงและคณะ, 2521; ชวลิต, 2531;เกษตร, 2536)นอกจากนี้ยังมีการสำรวจดินในระดับอำเภอ
ภายใต้โครงการสำรวจดินระดับค่อนข้างละเอียดระดับอำเภอ มาตราส่วน 1:25,000 จำนวน 3 อำเภอ ได้แก่
อำเภอเมืองลพบุรี(วิชัยและคณะ, 2544) พัฒนานิคม (พลพัฒน์ และคณะ, 2537) และอำเภอโคกสำโรง (ทวี
และคณะ, 2540)ใช้หน่วยแผนที่ในระดับชุดดินและประเภทดิน
สำหรับการสำรวจ จำแนก และทำแผนที่ดินในระดับจังหวัด ได้เริ่มดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. 2510-
2516ร่วมกับการใช้ข้อมูลภายใต้โครงการชลประทานเจ้าพระยาและโครงการพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก เป็นการ
สำรวจดินแบบค่อนข้างหยาบ (detailed reconnaissance survey) เพื่อใช้ในการวางแผนพัฒนาระดับ
จังหวัด ข้อมูลดินที่เผยแพร่ใช้หน่วยแผนที่ในระดับชุดดิน ขนาดมาตราส่วน 1:100,000(วิจิตรและคณะ,2519)
หลังจากนั้นในปีพ.ศ. 2534ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 6 ได้จัดทำรายงานการใช้
ประโยชน์ที่ดินเพื่อการปลูกพืชเศรษฐกิจประกอบกับแผนที่กลุ่มชุดดินมาตราส่วน 1:50,000 โดยใช้หน่วยแผน
ที่ในระดับกลุ่มชุดดิน(ปราโมทย์และคณะ, 2534)และครั้งสุดท้าย ในปีพ.ศ. 2550 ได้ปรับปรุงแผนที่กลุ่มชุดดิน
ทั้งประเทศโดยนำข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศสีเชิงเลขข้อมูลเส้นชั้นความสูงและแบบจำลองระดับสูงเชิงเลขของ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาใช้ในการวิเคราะห์สภาพพื้นที่และจัดทำขอบเขตดินเบื้องต้นมีหน่วยแผนที่เป็น
กลุ่มชุดดินและหน่วยพื้นที่เบ็ดเตล็ด(สำนักสำรวจดินและวางแผนการใช้ที่ดิน, 2551)

สรุป
จากข้อมูลที่ผมหามาทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ามัดสำปะหลังมีผลกระทบต่อดินน้อยมาก มันสำปะหลังไม่ได้นำธาตุอาหารออกจากดินมากกว่าพืชไร่ชนิดอื่น แต่เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกมันสำปะหลังในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ และเป็นดินร่วนปนทรายซึ่งปกติมีการชะล้างพังทลายสูงอยู่แล้ว
การจัดการดินที่ถูกต้องเพื่อลดการชะล้างพังทลายโดยการใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์เพื่อทดแทนธาตุอาหารที่ถูกใช้ไปหรือถูกชะล้างไป เป็นวิธีแก้ปัญหาการขาดความอุดมสมบูรณ์ของดิน
ภาพถ่ายดินจากการลงพื่นที่จริง จ.ลพบุรี

ภาพถ่ายดินจากการลงพื่นที่จริง จ.ลพบุรี

ภาพถ่ายดินจากการลงพื่นที่จริง จ.ลพบุรี


บทสัมภาษณ์ คุณพ่อวิชัยเจ้าของไร่มันสำปะหลัง จังหวัดลพบุรี

บทสัมภาษณ์

คุณพ่อวิชัยเจ้าของไร่มันสำปะหลัง จังหวัดลพบุรี มีความชำนาญในการปลูกมันสำปะหลัง5-6ปี มันสําปะหลังที่ใช้ในการปลูก พันธ์บุรีรัมย์81 ระยะเวลาในการปลูกใช้เวลา8-10เดือนบางทีอาจถึง1ปี มันสำปะหลังที่ได้ต่อไรคือ 4ตัน มันสำปะหลังทำให้ดินเสื่อมไหม? เป็นบางกรณีขึ้นอยู่กับสภาพดันของเเต่ละพื่นที่ว่าจะเป็นดินประเภทไหน บางที่เป็นดินปนทราย เเต่ไร่ของคุณพ่อจะเป็นดินดำ โดนคุณพ่อใช้ปุ่นอินทรีย์ประกอบกับปุ่ยเคมีควบคู่กันไป มันถึงจะทำให้ดินไม่เสีย บางไร่ที่ดินเสียเพราะใช้เเต่ปุ๋ยเคมีอย่างเดียวทำให้ดินไม่มีการปรับสภาพ คุณพ่อเเนะนำว่าให้ปลูกพื่ชสลับกันและปลูกพืชหมุนเวียน




สอบถามข้อมูลจากผู้มีความรู้ ในเรื่องการปลูกมันสำปะหลังและการดูเเลดิน
คุณ วิชัย 
เจ้าของไร่จังหวัดลพบุรี






                                                                   ภาพถ่ายดินจากการลงพื่นที่จริง จ.ลพบุรี

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น